Thursday, April 7, 2016

รีวิว : นอนเต๊นท์ เที่ยวป่า Tsavo East National Park

วันหยุดเทศกาลอีสเตอร์
มาดามก็ได้โอกาสไปเที่ยวอีกแล้ว คราวนี้เพื่อน ๆ ที่อยู่คอมพาวน์เดียวกันเป็นคนจัดทริป และ จองห้องพัก แต่เอารถเราขับไปกันเอง 4 คน พร้อมเสบียงเต็มคันรถ

คราวนี้เราจะไปกันที่ Tsavo East National Park 
ไปส่องสัตว์กันอีกแล้ว ha~ha โดย park นี้เป็นหนึ่งใน National Park ที่เก่าแก่ และ ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเคนยาเลยก็ว่าได้ ก่อนไปก็เอาแผนที่มาศึกษาดู ปรากฎว่าคุณเพื่อน นางจองแคมป์ไว้อีกฟากหนึ่งของ park ค่ะ งานนี้เลยต้องเดินทางกันยาว ๆ 
          ล้อหมุนจากบ้าน ประมาณ 7 โมงเช้า กว่าจะไปถึงแคมป์ก็ปาเข้าไปเกือบ ๆ 6 โมงเย็น เส้นทางที่เราไปถนนจัดว่าดี แต่เสียอย่างเดียวคือมัน 2 เลน ในรูปจะเห็นสะพานข้างหลังมาดามซึ่งก็คือทางรถไฟที่จีนมาสร้างให้ บางช่วงก็จะมีการก่อสร้างสถานีขึ้นป้ายภาษาจีนไว้ใหญ่โต ส่วนม้าลายข้างหลังคือของจริง (ตอนแรกเห็นนึกว่ารูปปั้น คือยืนกันนิ่งมาก)
          ขับรถมาหลายชั่วโมง ในใจคิดว่านี่มัน เนวาด้า ชัด ๆ คือ สภาพภูมิประเทศแถบนี้ใกล้เคียงทะเลทรายเลย ร้อน ๆ แห้ง ๆ แดดเปรี้ยง ๆ มีพุ่มไม้เตี้ย ๆ ประปราย นาน ๆ จะเห็นต้นไม้ใหญ่สักที และที่สำคัญไม่มีจุดไหนให้จอดแวะทำธุระส่วนตัวได้เลย พอดีเจออาคารที่ยังสร้างไม่เสร็จ แล้วก็น้องม้าลายยืนอยู่ เลยได้แวะซะเลย



..บนถนน หนทางซุปเปอร์  ไฮเวย์...หลังจากขับรถมานานหลายชั่วโมงแล้ว เราก็จะเข้าไปในส่วนของ park กัน ซึ่งแคมป์ที่เราจะไปนั้น ต้องขับรถผ่าเข้าไปใน park อีก ประมาณเกือบ 90 กม. ตรงจุดนี้เราต้องจอดรถลงไปซื้อบัตรผ่าน และ เสียค่าธรรมเนียม รถ 1 คันได้บัตรผ่านมา 1 ใบเป็นแบบสมาร์ทการ์ด แล้วเติมเงินไว้ จะเข้าจะออกที เวลาผ่านประตูก็ต้องแวะรูดบัตรทุกครั้งทั้งขาเข้า และ ขาออก





บรรยากาศโดยรอบสำนักงานบัตรผ่านประตู




แผนที่ park แบบหยาบ มีจุดบอกด้วยนะว่าโซนไหนมีสัตว์ไหนอยู่




เส้นทางเข้าป่ายังอีกยาวไกล




ขับรถกระเด้งกระดอนมาตามทาง สภาพเหมือนทางไปนาบ้านเรา ดินทราย สลับกับ ดินแดง และ ทางหินแห่ เป็นระยะ ๆ จน GPS นำทาง error ไปเลย
ในที่สุดเราก็เจอป้ายทางเข้าแคมป์ (เหมือนในหนังโรคจิตสยองขวัญมาก) ระหว่างเลี้ยวรถไปตามทางก็หันไปถามเพื่อนว่า "ผีตัวไหนเข้าฝันให้เลือกมาแคมป์นี้วะ" เพื่อนทำเสียงอ่อย ๆ บอก "ก็ไม่รู้สินะ เปิด bookingดอทคอม เข้าไปแล้วมัน recommend ที่นี่มาเลยที่แรก" (โถ...เหยื่อการตลาด) จากทางหลักเข้าไปประมาณ 3 กม. คดเคี้ยว และ มันเป็นถนนหินแหลม ๆ ในที่สุดก็มาถึงแคมป์ซะที ทริปนี้เราจะพักกันที่ Kiboko Camp







สภาพดูดีกว่าที่คิดไว้มาก



ทางเข้าแคมป์







เดินสวย ๆ เข้ามาตรง lobby ก็จะมีพ่อหนุ่มคนนี้(ซึ่งมาดามลืมว่าเค้าชื่ออะไร) ยืนรอต้อนรับ และ เสริฟน้ำผลไม้เย็น ๆ ให้ โดยตลอดช่วงเวลาที่พักที่นี่ พ่อหนุ่มคนนี้จะมีหน้าที่บริการเสริฟเครื่องดื่ม และ อาหารให้กับแขกที่เข้าพักทั้งหมด(ทั้งแคมป์แขกตั้งหลายสิบพี่แกเสริฟอยู่คนเดียว)







ในแคมป์จะมีกระดูกช้าง และ สัตว์อื่น ๆ วางตกแต่งอยู่เป็นระยะ ๆ



ที่แคมป์จะมีโซนร้านอาหาร แต่เปิด - ปิด เป็นเวลา


มีบาร์น้ำ ตรงนี้จะมีจุดต่อไฟให้ชาร์จแบตโทรศัพท์


ถัดมามุมนี้ เป็นมุมสมุดเยี่ยมชม Guest book


มองออกไปนอกร้านอาหาร จะเป็นแม่น้ำ Galana ซึ่งจุดเด่นของแคมป์นี้คือ ตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำ ลมพัดเย็นสบายตลอดทั้งวัน


ทางเดินไปยังเต๊นท์ที่พัก 
(นายแบบคนนี้ไล่ยังไงก็ไม่หนีอยากเข้ากล้องด้วยตลอด)



ภายในเต๊นท์ที่พัก ฝักบัวอาบน้ำมีน้ำอุ่นด้วยนะ



บรรยากาศภายในร้านอาหารยามค่ำคืน โดยปกติแล้ว อาหารเช้าของที่นี่จะเป็นพวกขนมปัง   คุ้กกี้ ชา+กาแฟ แต่เราก็พอจะสั่งไข่ลวก หรือเมนูง่าย ๆ อย่างอื่นได้บ้าง ส่วนอาหารเที่ยง และ อาหารเย็น ในแต่ละวันเชฟจะเป็นคนตัดสินใจอีกที เพราะแคมป์นี้อยู่ห่างไกลจากเมืองใหญ่มาก (พูดง่าย ๆ คือ อยู่ในป่า) และกระแสไฟฟ้ามีใช้อย่างจำกัด ดังนั้นจะไม่มีการเก็บของสดไว้เลย เพราะจะเน่าเสียไว ทุก ๆ สัปดาห์จะมีรถเข้ามาส่งอาหาร วัตถุดิบต่าง ๆ 2 ครั้งโดยประมาณ ถ้าเกิดมีลูกค้า walk in เชฟก็จะต้องกะปริมาณให้พอเพียงกับจำนวนคนทั้งแคมป์

     หรือในกรณีที่อาหารไม่พอเพียง บางครั้งพนักงานในแคมป์ก็จะนำอาหารที่เรามีเหลืออยู่มากไปแลกเป็นวัตถุดิบอย่างอื่นจากแคมป์ที่อยู่ใกล้ ๆ กัน (แต่ละแคมป์ห่างกันราว ๆ 3-5 กม.)

ตื่นเช้าวันนี้เราจะไป game drive หาดูสัตว์ป่ากัน แต่ก็ต้องมีเหตุให้ออกจากแคมป์สาย เพราะรถยางรั่วจากการขับบุกป่าฝ่าดงเมื่อคืน งานนี้มาดามช่วยเปลี่ยน ช่วยปะยางกับมือ(พี่เคยทำพี่ทำได้) เสร็จแล้วเราก็ออกเดินทาง  วันแรกเอามาไซติดรถมาด้วย เจ้าของแคมป์บอกว่าเราจะได้มีผู้นำทาง 



พี่มาไซที่มากับเราวันนี้แกชื่อ เฮียจอห์น เป็นมาไซที่ friendly มากผิดปกติมาไซทั่ว ๆ ไป (แอบคิดว่านี่เฮียแกเป็นมาไซเทียมป่าววะ) 
นั่ง ๆ รถไปถ้าถามอะไรแล้วเฮียแกไม่ตอบ หรือ เงียบ ๆ ไป แสดงว่าแกหลับ(หลับจริงจังมาก) ต้องปลุกเฮียขึ้นมาถามทางทุกครั้งที่ถึงทางแยก แต่อันที่จริง park นี้ค่อนข้างขับรถง่ายกว่า park อื่น เพราะมีป้ายบอกทางเป็นระยะ(มีป้ายทุกทางแยก ถ้าไม่แยกคือจะไม่มีป้ายบอก) 

     เฮียจอห์นเล่าให้ฟังว่า เมื่อสมัยยังเป็นหนุ่มเฮียแกเคยเข้าป่าล่าสิงโตด้วย(เป็นประเพณีของชาวมาไซ) แกล่ามาหมดแล้วไม่ว่าจะเสือ สิงห์ กระทิง แรดฯลฯ (ตอนนี้เป็นสัตว์สงวนหมดแล้วจ๊ะ ถ้าลองไปล่ามีหวังตำรวจจับติดคุก) แต่ปัจจุบันเฮียจอห์นเลิกล่าสัตว์แล้ว แต่มาทำงานในแคมป์ มีหน้าที่ต้อนรับนักท่องเที่ยว นำทางในป่า และ คอยไล่สัตว์ป่าที่เข้ามาในบริเวณแคมป์ (แคมป์นี้ไม่มีรั้ว ตกกลางคืนมักจะมีสัตว์ป่ามาเดินเล็มต้นไม้ใบหญ้ารอบเต็นท์ที่พักแทบทุกคืน) นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้เฮียจอห์นหลับในบ่อย ๆ ที่ต้องทำงานหนักขนาดนี้เพราะเฮียจอห์นต้องเก็บเงินส่งลูก ๆ ไปเรียนหนังสือ




ภาพที่ดีที่สุดของทริปนี้


          เฮียจอห์นพาพุ่งมาที่จุดชมช้างทันที มาดามขับรถไป จอดไป ถ่ายรูปไป(ด้วยกล้องปัญญาอ่อน) ได้ภาพช้างกำลังงัดกัน คือนางพากันเล่นน้ำเป็นฝูงอยู่ดี ๆ แล้วเกิดขัดใจอะไรกันไม่ทราบ เอาสีข้างดันกันไปมาอยู่พักใหญ่ ๆ เสร็จแล้วเลยหันมาเอางางัดกันแบบในภาพ



ที่ park นี้เป็น park ที่มีช้างอยู่อาศัยเยอะมาก ๆ เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะขับรถไปทางไหน ก็จะเห็นช้างอยู่ตามทางเป็นระยะ ๆ 
 เห็นช้างหลาย ๆ โขลงมีลูกช้างน้อยอยู่ด้วยแทบทุกโขลง บางโขลงก็มีหลายตัว สงสัยช่วงนี้เป็นฤดูตกลูก ไม่เฉพาะแค่ช้างเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น ม้าลาย, impala, antelope หรือแม้กระทั่ง ยีราฟ ก็ล้วนแล้วแต่มีลูกน้อยอยู่ในฝูงด้วยแทบทั้งสิ้น
นอกจากนี้สัตว์ต่าง ๆ ที่เห็นใน park รู้สึกว่าจะตัวใหญ่ แน่น ไม่ผอมลีบเหมือนกับ สัตว์ใน park อื่น ที่เคยเห็นมา





ลืมไปเลยว่าตัวนี้เค้าเรียกว่าอะไร มีเต็ม park ไปหมด ไปไหนก็เจอ



จะถ่ายรูปยีราฟ แต่ ม้าลายก็อยากเข้ากล้องด้วย



ขับรถเลียบแม่น้ำก็จะเจอนกกระจอกเทศ เฮียจอห์นบอกว่าตัวที่เป็นสีน้ำตาล คือตัวเมีย แล้วสีดำขาว คือตัวผู้



เฮียจอห์นบอกว่ามันคือควายน้ำ แต่เปิดwiki แล้วเค้าบอกว่ามันคือ ควายถ้ำ cave buffalo สรุปแล้วเราควรจะเชื่อใคร???



วิวแม่น้ำ น้ำลดระดับลงจนเห็นหินโผล่ แต่ขอบอกว่าน้ำไหลแรงมาก 




ตรงนี้ลงได้ มีป้ายบอกว่าเป็นจุดชมฮิปโป



เฮียจอห์น เอาหินเขวี้ยงลงน้ำไป ซักพักฮิปโปก็โผล่ขึ้นมาให้เห็น



ระหว่างแวะเติมลมยางรถ มีสัตว์ป่าเดินเพ่นพ่านเป็นระยะ ๆ



ยีราฟที่ park นี้ สูง ใหญ่ และ สวยงาม



ขับรถเมื่อยแล้ว ร้อนแล้ว ก็กลับมาว่ายน้ำเล่นที่แคมป์ ตรงจุดนี้ฝั่งตรงข้ามจะมีช้างเดินเล็มต้นไม้อยู่ริมแม่น้ำด้วย



ส่วนอีกมุมก็จะมีฝูงบาบูนมาเล่นน้ำ นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมชาวแคมป์ที่นี่ไม่ปลูกพืชผักไว้กิน เค้าบอกว่าขี้เกียจมาเสียเวลารบกับบาบูน โดยเฉพาะแถบนี้มีบาบูนเยอะมาก




          ข้าง ๆ โต๊ะกินข้าว ก็มีน้องงูเลื้อยมาเยี่ยม ลืมบอกว่าที่แคมป์จะมีค้างคาวอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากด้วย เข้าห้องน้ำทีต้องไล่ค้างคาวออกให้หมดก่อน ตื่นเต้นอะไรจะปานนี้ นอกจากนี้ก็ยังมีกิ้งก่า หลากหลายสีอาศัยอยู่รอบ ๆ แคมป์เยอะมาก รวมทั้งในเต็นท์มีตุ๊กแก ha~ha



          พอค่ำก็จะมีกิจกรรมรอบกองไฟ ซึ่งจะเริ่มก่อนเวลาอาหารค่ำ(dinner เริ่ม 8.30น. ดึกมาก) แขกที่เข้าพักก็มารวมตัวกันนั่งดูดาว ร้องเพลง จิบไวน์ พูดคุยกัน มาไซก็จะมานั่งร่วมพูดคุยอยู่ด้วย

          นั่งไป มาไซก็จะคอยส่องไฟดูพงหญ้าข้างหลังที่ติดกับแม่น้ำไปด้วย ซักพักเฮียจอห์นเจ้าเก่า ถามว่าอยากเห็นจระเข้ไม๊??? เอ้า อยากสิ ตั้งแต่มายังไม่เห็นจระเข้ซักตัว ว่าแล้วเฮียจอห์นบอกให้มองตามไฟฉายที่แกส่อง ๆ ไปตามริมแม่น้ำ


          แม่เอ้ย!!! เห็นตาสะท้อนแสงวิบวับ ๆ เต็มไปหมดตามตลิ่งริมน้ำ ต้องคอยส่องไฟดูเป็นระยะ ๆ เผื่อมันค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาใกล้ ๆ จะได้หนีทัน แต่ทริปนี้มาดามขอเอาเศษไก่ที่กินเหลือไปโยนให้จระเข้กินด้วย มาไซจะเดินนำไปก่อนแล้วเราเดินตามถึงระยะปลอดภัยแล้วเราก็โยนเศษไก่ให้มันได้ เที่ยวนี้ได้เห็นจระเข้ว่ายแหวกน้ำเข้ามาด้วย คือเร็วมาก พุ่งมายังกะแข่งพายเรือยาว

          นอกจากนี้มาดามยังได้มีโอกาสให้เปลือกมะม่วง(เนื้อกินหมดแล้ว) กับลิงบาบูนด้วยมือของมาดามเอง บาบูนน่ารักมาก



แอบถ่ายรูปนกระหว่างทางกลับ


เจอบ้านบนต้นไม้ในป่าด้วย ทาร์ซาน&เจน


นกประจำถิ่น ไปทางไหนก็เจอมีอยู่เต็มป่า แถมชอบเกาะอยู่กิ่งไม้ใกล้ ๆ กับทางรถผ่านอีก


     ปิดทริปด้วยรูปคู่ นั่งถ่ายริมแม่น้ำที่แห้ง ๆ ขอด ๆ ปกติช่วงฤดูน้ำหลาก นำ้ในแม่น้ำจะขึ้นสูงมาก ท่วมออกเป็นบริเวณกว้าง มาไซบอกว่าแทบจะข้ามไปอีกฝั่งไม่ได้เลย
     สรุป เปลี่ยนบรรยากาศมานอนเต๊นท์ก็ดีเหมือนกัน ตื่นมากลางดึก ตี 2 กับ ตี 4 เพราะมีสัตว์ป่ามาเซอร์ไพร์ข้าง ๆ เต๊นท์ทุกคืน เป็นทริปที่ทรหด ยางรั่ว ร้อน เส้นทางโคตรกันดาร แต่สนุก และ เพลินมาก ใกล้ชิดธรรมชาติอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ทริปพิสูจน์รักแท้ แล้วพบกันใหม่ทริปหน้าค่ะ