ป้ายทางเดินขึ้นเขา |
ความเดิมตอนที่แล้ว เราไปเดิน antique market กันช่วงเช้า แล้วกลับไปซดมาม่าร้อน ๆ พอตกบ่ายเราก็ออกเดินทางโดยรถยนต์ มุ่งหน้าไปยังเมือง Malmedy กัน ซึ่งอยู่ห่างจาก Tongeren เมืองที่เราอยู่ไปประมาณ 70 - 80 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณเกือบ ๆ 1 ชม. แต่รู้สึกเพลินเพลินมาก ๆ เพราะวิวข้างทางสวยสุด ๆ ยิ่งถ้าช่วงมีหิมะตกขาวไปหมด ให้นึกถึงหนังเรื่องนาเนีย เลยค่ะ บรรยากาศสวยแบบนั้นจริง ๆ
จุดหมายเราอยู่บนภูเขานี้ค่ะ มีโรงแรม+ร้านอาหารมากมายตามทางขึ้นเขา ตอนนี้เราจะเข้าไปกินวาฟเฟิ้ลกัน ร้านนี้เป็นร้านเก่าแก่ ตั้งอยู่บนผาเขา มองออกนอกหน้าต่างไปจะเห็นวิวเมืองสวยมาก ตอนนี้เราเข้าโซนภาษาฝรั่งเศสกันแล้วค่ะ เราว่าฟังแล้วสบายหูกว่าภาษาดัชต์(เสียแรงร่ำเรียนมาตั้ง 3 ปี แต่ก็ส่งความรู้คืนครูบาอาจารย์ไปตั้งแต่ปีแรกที่เรียนจบ)
น่าเสียดายไม่ได้ถ่ายรูปร้านอาหารมาด้วย คือ...ร้านแลดูผู้ดีมาก เลยต้องทำตัวมารยาทดี ไม่กล้ายกกล้องขึ้นถ่ายรูป และ คนก็เยอะ กลัวถ่ายไปติดหน้าคนแล้วจะมีปัญหาเพราะเราไม่ได้ขออนุญาต กินเสร็จก็ไปเดินออกกำลังกันต่อ ผู้คนประเทศนี้ชอบเดินเล่นในวันอากาศดี ๆ กัน เอาหล่ะ เราก็ไปเริ่มออกเดินกันที่จุดตั้งป้ายเลยค่ะ Go Go!!!
ผู้ร่วมทริป |
และนี่คือโฉมหน้าคณะผู้ร่วมเดินทาง ดูสิคะ นี่มันทางเดิน up hill ชัด ๆ ทำไม?? ต้องมาพากันเดินต้านแรงโน้มถ่วงโลกด้วย!!! ตายแน่งานนี้
เดินไปได้ซักพัก เริ่มเหงื่อตก อากาศที่ว่าเย็น ๆ ตอนนี้แทบอยากจะเขวี้ยงเสื้อกันหนาวทิ้ง แต่วิวรอบ ๆ สองข้างทางสวยมาก ๆ (สวยจนไม่รู้จะบรรยายยังไงดี)
อ่อ ตรงข้างทางที่เราเดินขึ้นมันจะมีโรงนาเก่า ๆ เกือบพังตั้งอยู่ด้วย พอดีไม่สวยเลยไม่ได้เก็บรูปมาฝาก
ตามสองข้างทางที่เราเดินจะมีต้นไพน์ (Pine Tree) ต้นไม้ที่เขียวตลอดปีตลอดชาติ ไม่ว่าจะร้อนจะหนาว ขึ้นอยู่เต็มไปหมด มีทั้งแบบขึ้นเองตามธรรมชาติ และแบบปลูกขาย
หันกลับไปดูทางที่เราเพิ่งเดินผ่านมา |
เดินมาไกลพอสมควร ทางเดินเริ่มเป็นทางราบแล้ว
(กลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็อาจไปไม่ถึง)
เขียวไปหมด เห็นแล้วอยากเล็มหญ้าขึ้นมาทันที
ตรงนี้หิมะยังละลายไม่ทันหมดเลยนะ
ต้นไพน์ที่ปลูกไว้รอตัดขาย
เห็นแล้วนึกถึงสวนยางที่ไทยขึ้นมาเลย
ยังคงเดินกันต่อไปเรื่อย ๆ คิดซะว่าเป็นการเดินเผาผลาญไขมันในร่างกาย พอคิดได้อย่างนี้ก็สบายใจเดินต่อ แต่อยู่ดี ๆ ก็รู้สึกเหมือนว่ามีใครแอบจ้องมองเราอยู่ หันซ้ายหันขวา เลยไปเจอเจ้าถิ่นเข้าให้ surprise!!!!
น่ารักอ่ะ!!! เกิดมาพี่ไม่เคยเห็นตัวใหญ่ ๆ ใกล้ ๆ และ แบบตัวเป็น ๆ แบบนี้
ถ่ายรูปไว้อวดพ่อกับแม่ก่อน มองไปไกล ๆ อีกฟาก มีนอนเรียงรายอยู่เป็นสิบเลย แต่ไม่มีเขา สวย ๆ แบบตัวนี้เลย
แถมมีคนแอบกระซิบบอกอีกว่า "เค้าเลี้ยงเอาไว้กินคร๊า" โห...พอได้ยินนี่สลดเลย มันน่ารักอ่ะ กินไม่ลง คนที่นี่เค้ากินกระต่าย กินม้า กันด้วยนะ แต่เค้าจะเลี้ยงกันไว้เพื่อกินโดยเฉพาะเลย จะไม่มีการตั้งวงแล้วออกไปหาล่าน้องหมา น้องแมว ตามถนนหนทางมาทำเป็นกับแกล้มเหมือนในบางประเทศโดยเด็ดขาด!!!
เริ่มเจอผู้คน บ้างก็เอาม้ามาขี่เล่น บ้างก็ปั่นจักรยาน
(เราพลาดแล้ว ดันพากันเดินมา เลยช้ากว่าชาวบ้านเค้า)
ออกจากป่ามาแล้ว วิวอีกฟากของภูเขา สวยมาก ๆ
มองออกไปจะเห็นเขาอีกลูก ต้นไม้อย่างเยอะ หนาแน่นมาก
ซูมเข้าไป...บรรยากาศสวยงามอย่างกับในหนัง
ทีนี้เราจะวกกลับไปที่จุดเริ่มต้นที่เราจอดรถทิ้งไว้แล้ว ทางเดินก็จะเป็นทางลงเขาแล้วหล่ะทีนี้ ช่วงเดินลงเขาก็มาพบกับฝูงจักรยานวิบาก ปั่นลงเขากันแบบน่าหวาดเสียวมาก มีคนมาปั่นวิบากนี่เยอะมาก ๆ แอบส่องทะเบียนรถ มีมาจากทั้งเยอรมันนี เบลเยี่ยม สวิสเซอร์แลนด์ ฯลฯ
เค้าบอกว่าถ้าเป็นช่วงหิมะตกคนก็จะมาเล่นสกีแทน แต่ตอนนี้เป็นจักรยานปั่นลงเขา เวลาลงไปถึงตีนเขาแล้ว ตอนขากลับขึ้นมาก็จะมีที่ลาก ๆ ขึ้นมาตรงจุดสตาร์ทยอดเขาอีกที
จากมุมสตาร์ท คือจุดนี้ เรื่อยยาวลงไปจนถึงตีนเขา
นักปั่นส่วนมากจะเป็นหนุ่ม ๆ ไปยันกลาง ๆ คนก็มี ใส่อุปกรณ์ป้องกันต่าง ๆ แบบ จัดเต็ม แต่หลังจากยืนดูอยู่ซักพัก ก็คิดในใจว่า ถ้ามีลูกมีหลานคงไม่อนุญาตให้เล่นอะไรแบบนี้แน่นอน คนปั่นสนุก แต่คนดูหัวใจจะวาย
พี่ใจไม่ถึง บอกเลย
จบทริปต่างเมืองแล้ว ก็เดินทางกลับบ้านที่ Tongeren คราวนี้มาเดินในเมือง แต่เป็นคนละฝั่งจากตลาด antique market ในช่วงเช้า และเนื่องจากวันนี้เป็นวันอาทิตย์ ในเมืองจะไม่ค่อยมีผู้คนพลุกพล่านมากเท่าวันเสาร์
Tongeren วันอาทิตย์ |
เพิ่งผ่านช่วงเทศกาลขบวนพาเหรดมาหมาด ๆ ธงพาเหรดยังประดับอยู่เต็มสองข้างทาง
ถนนแบบอิฐเรียงเป็นก้อน ๆ |
เดินเลาะเข้าสู่ลานใจกลางเมือง
ใจกลางเมืองจะเป็นลานกว้าง ๆตรงกลาง
แล้วมีร้านอาหารเครื่องดื่มอยู่รอบ ๆ
Statue of Ambiorixรูปปั้น Ambiorix ชายผู้ต่อสู้กับทหารโรมัน
(อารมณ์คล้าย ๆ บางระจัน มาเต็ม ๆ แต่ขานี้ลุยเดี่ยว)
|