มีโอกาสมาอยู่เบลเยี่ยมเป็นเดือน ๆ แต่ติดภาระกิจไม่ได้ไปเดินเที่ยวไหนเลย วันนี้ถือฤกษ์อากาศดี๊ดี เลยพกกล้องปัญญาอ่อนออกไปเก็บภาพก่อนกลับบ้าน ตั้งใจไว้ว่าอีกซักปี 2 ปี จะพาพ่อกับแม่มาเที่ยวที่นี่บ้าง ก็เลยต้องไปสำรวจสถานที่ไว้ซะก่อน เน้นภาพเยอะ ๆ บิ้วอารมณ์ แม่จะได้อยากมา
Tongeren เมืองโคตรเก่าแก่ที่สุดของประเทศ Belgium (อายุมากกว่า 2,000 ปี เลยเชียว) ก่อนออกจากบ้านก็เช็คอากาศซะก่อน บางทีเห็นมีแดด ฝนไม่ตก แต่หนาวยะเยือก วันนี้อากาศดี มีแดด 10 องศา ถือว่าไม่หนาว เดินเล่นได้สบาย ๆ
ประเทศเบลเยี่ยมนี้ผู้คนที่อาศัยอยู่ทางตอนเหนือจะพูดได้ทั้งภาษาดัชต์ และ ภาษาฝรั่งเศส ส่วนผู้คนทางตอนใต้จะพูดภาษาฝรั่งเศส ป้ายถนนหนทาง ทั่วไปก็จะเป็น 2 ภาษานี้ สร้างความงงงวยเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ พูดไม่เป็น แล้ว ก็ยังฟังไม่รู้เรื่องอีกด้วย ถึงกระนั้น ก็ไม่ต้องเป็นกังวล เพราะ ผู้คนที่นี่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี
บ้านเมืองที่นี่สะอาด เป็นระเบียบ แตกต่างจากเมืองหลวงอย่าง Brussels มาก ๆๆ และ ถ้าใครจะมาเที่ยวประเทศนี้ขอบอกว่าวันอาทิตย์ ห้างร้าน ซุปเปอร์มาร์เก็ต จะร้านเล็ก ร้านใหญ่ ปิดหมดนะคะ จะมียังเปิดอยู่บ้างก็ร้านอาหาร ร้านขายยา เท่านั้นเอง
ตามปกติทุกวันอาทิตย์เช้า 8 - 12 นาฬิกา (ถ้าไม่ติดงานเทศกาลอื่น ๆ) จะมี antiques market แปลตามภาษาบ้าน ๆ เราก็ "ตลาดนัดขายของเก่า" มาตั้งขายอยู่ในเมือง ถ้าอากาศดีก็ตั้งขายกันเพลิดเพลิน ถ้าอากาศหนาวฝนตก ตลาดก็จะวายเร็วหน่อย วันนี้ตลาดแน่นมากต้องไปจอดรถไกลหน่อย คิดซะว่าเดินออกกำลังกายก็แล้วกันนะ ฮึ่บ ฮึ่บ
เดินชมวิวไปเรื่อย ๆ ตามทาง (อากาศดีใคร ๆ ก็ออกมาเดินเล่นกัน)
มีน้องเป็ดมาอาบแดดกันให้สลอน
(ถ้าเป็นบ้านเราคงถูกจับไปทำลาบเป็ดหมดแล้วแหง๋ๆ)
ยังคงเดินอยู่...ตรงนี้จะเป็นตึกเก่า ๆ ที่เค้าอนุรักษ์ไว้ ดั้งเดิมเป็นสำนักนางชี
เดินมาถึงทางโค้งแล้ว ตรงนี้เป็นช่วงขึ้นซากกำแพงเมืองเก่า
วิวตรงทางโค้ง อะไร อะไร ก็เก๊า เก่า... นี่มันเมืองวินเทจชัด ๆ(อย่าบ่น!!! รักจะท่องเที่ยวต้องขยันเดินเข้าไว้)
ใกล้ละนะ เบื้องหน้าคือ ตลาดขายของเก่าแล้ว
วันนี้อากาศดีผู้คนเลยเยอะมากเป็นพิเศษ เอ๊ะ!!! นี่มันเหมือนตลาดเปิดท้ายขายของแถว ๆ บ้านเราที่เมืองไทยชัด ๆ ข้าวของที่มีขายที่นี่ ก็มีตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ ทั้งของโคตรเก่าโบราณ หรือแม้กระทั่งของใหม่ที่พยายามทำให้ดูเก่า บางอย่างถูก คุ้มราคา แต่ บางอย่างก็แอบแพง
เริ่มที่พ่อค้า แม่ค้า เอารถมาจอด แล้วเริ่มวางโต๊ะ วางลัง ตั้งของขายเรียงราย วางกับพื้นก็มี เต็ม 2 ข้างทาง
ส่วนชาวบ้านขามุงอย่างเรา ๆ ที่ส่วนมากเดินดูอย่างเดียว ไม่ค่อยซื้อก็เริ่มเดินดูไปเรื่อยเปื่อย บางคนก็เข็นรถเข็นมาไว้ใส่ของเตรียมซื้ออย่างจริงจัง บ้างก็เดินถ่ายรูป ฯลฯ
ของเก่าที่มีมาวางขาย เยอะมาก เลยเกิดสงสัยว่าเขาไปหามาจากไหนกันนะ ?? เลยมีคนกระซิบบอกว่า เมื่อเวลามีคนตายลง แล้วลูกหลาน รึญาติพี่น้องขี้เกียจเก็บบ้าน ก็จะมีพวกพ่อค้ารับซื้อของเก่า มาเหมาซื้อของในบ้านออกไป เรียกว่าขนซื้อไปให้หมดแล้วเหลือแต่บ้านโล่ง ๆ ไว้ซ่อมแซม ปรับปรุง ตกแต่งใหม่ เพื่อขายต่อ หรือ เจ้าของใหม่ย้ายเข้ามาแบบ ไม่ต้องมารื้อค้นทำความสะอาดอีก
ภาพบรรยากาศคร่าว ๆ เดินแป๊บ ๆ ก็ตัวเมืองแล้ว เริ่มเห็นตึกทรงสมัยใหม่กันบ้างแล้ว ถึงแดดจะออกแต่อากาศก็ยังเย็น ๆ นะคะ ใส่เสื้อโค้ชกันเพียบ
สินค้าที่ขาย แอบถ่ายมาเป็นบางส่วน(เกรงใจ ถ่ายแต่รูป ไม่ซื้อซักกะชิ้น)
เดินไปจนสุดทาง ก็จะเห็นร้านขายฟรายส์ ขายเครื่องดื่ม เห็นคนยุ่บยั่บ อากาศดี ๆอย่างนี้ ร้านอาหารจะเอาโต๊ะมากางนอกร้าน ให้คนได้มานั่งตากแดด สูดอากาศกันข้างนอก โดยหันหน้าโต๊ะออกไปจากตัวร้าน เรียงเป็นหน้ากระดานกันเลย มาเห็นทีแรก ๆ ถึงกับกลั้นขำไว้ไม่อยู่
เดินไปเรื่อย ๆ ใช้เวลาประมาณเกือบ 1 ชม.(อันที่จริงยังเดินไม่ทั่วแต่ เก็บแรงไว้เดินต่อช่วงบ่าย)ก็เดินวกกลับ ทางเดินกลับก็ยังมีของวางขายอยู่เต็ม
เดินกลับแบบ up hill เลิกเดินไต่กำแพงด้านบน จะได้เก็บภาพมุมสูงบ้าง
นี่หล่ะ ภาพมุมสูง จากแนวกำแพงเมืองอันเก่าแก่
คนข้างล่างยังเดินดูของกันเยอะเลย
ปกติที่อากาศหนาว ๆ ป่านนี้ตลาดวายหมดแล้ว
ทางเดินกลับหลังกำแพง (รูปย้อนแสง)
จบกิจกรรมภาคเช้าแล้ว ใกล้เที่ยงพอดี ขอตัวกลับไปซดมาม่าร้อน ๆ (อาหารยอดฮิตของเซเลป)ที่บ้านก่อนออกไปเลาะเที่ยวต่อในช่วงบ่าย มาเบลเยี่ยมรอบนี้รีบร้อนจนลืมห่อปลาร้าบองมาด้วย ถึงกับผอมน้ำหนักลงกันเลยทีเดียว ha~ha